หากพูดถึง “Chat OpenAI” ที่เจ๋งและดี ก็คงจะไม่มีใครไม่รู้จักเจ้า “ChatGPT” กันใช่ไหมล่ะครับ
“ChatGPT” หรือโมเดลภาษาประมวลผลธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นโดย “OpenAI” ใช้เทคโนโลยี GPT (Generative Pre-trained Transformer) ซึ่งเป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้การเรียนรู้เชิงลึก (deep learning) และการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) ในการทำงาน ที่สำคัญโมเดล “ChatGPT” ได้รับการฝึกด้วยข้อมูลจำนวนมากจากอินเทอร์เน็ตและข้อมูลของโลกจริง เพื่อที่จะสามารถเข้าใจและตอบสนองต่อคำถามและคำขอของผู้ใช้ในภาษาธรรมชาติได้อย่างเหมือนมนุษย์ทำได้
“ChatGPT” ยังสามารถใช้ในหลายแอปพลิเคชันและบริการ เช่น การตอบคำถาม การแนะนำ การเขียนข้อความ การแปลภาษา และมีคุณสมบัติหลายอย่างมากมาย โดยมีการปรับแต่งเพื่อให้ตรงกับความต้องการของแต่ละแอปพลิเคชันหรือบริการที่นำมาใช้ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่น
โดยเร็ว ๆ นี้ “ChatGPT” จะมีการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่าน่าสนใจอย่างมากครับ นั่นก็คือ ฟีเจอร์การโต้ตอบด้วยเสียง และ ฟีเจอร์การตอบคำถามที่ต้องการจากรูปภาพ

แล้วฟีเจอร์สองแบบนี้ที่จะมีการอัปเดตจะทำอะไรได้บ้าง เราสรุปมาให้ดังนี้ครับ
ฟีเจอร์ล่าสุดของ “ChatGPT” จะทำให้ผู้ใช้สามารถสนทนาด้วยเสียงบนแพลตฟอร์มมือถือได้ ซึ่งผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์นี้สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ผ่านการตั้งค่าแอป “ChatGPT” โดยการแตะที่ไอคอนไมโครโฟน
ผู้ใช้สามารถเลือกเสียงที่แตกต่างกันได้จากห้าเสียงที่สร้างขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากนักแสดงมืออาชีพ ระบบนี้ใช้โมเดลการอ่านข้อความออกเสียงขึ้นมาเป็นนวัตกรรมใหม่ของ “OpenAI” ซึ่งสามารถสร้างเสียงที่เหมือนจริงจากข้อความและคำพูดตัวอย่างสั้น ๆ นอกจากนี้ ระบบยังสามารถแปลคำพูดเป็นข้อความด้วยเทคโนโลยี Whisper เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นใจได้ในการสื่อสารทางเสียงนี้ครับ
สำหรับฟีเจอร์การตอบคำถามที่ต้องการจากรูปภาพ โดย “OpenAI” ยกตัวอย่างว่า คุณสามารถเปิดตู้เย็นและถ่ายรูปวัตถุดิบภายใน ส่งให้ “ChatGPT” พร้อมป้อนข้อความขอให้ “ChatGPT” ช่วยคิดแผนการทำอาหารเย็นจากเมนูทั้งหมดได้ว่าสามารถทำเมนูใดได้บ้าง หรือมีเมนูใดแนะนำบ้าง
โดย “OpenAI” ระบุว่า 2 ฟีเจอร์ดังกล่าว จะเปิดในบริการในแอปฯ ประมาณกลางเดือนตุลาคมปีนี้ ซึ่งจะเปิดให้ใช้เฉพาะผู้ที่ชำระค่าสมาชิก Plus และ Enterprise ของ “ChatGPT” เท่านั้น โดยค่าสมาชิกบริการ Plus จะอยู่ที่ 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน (ราว 730 บาท) ส่วนสมาชิก Enterprise จะมีเฉพาะผู้ใช้บริการในนามองค์กรหรือบริษัทเท่านั้นครับ