ins ปก 11.23_การนํา ChatGPT มาใช้ในองค์กรอย่างถูกต้องและปลอดภัย

การนํา ChatGPT มาใช้ในองค์กรอย่างถูกต้องและปลอดภัย

ChatGPT เป็นเทคโนโลยี AI ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีความสามารถในการสร้างเนื้อหา ตอบคําถาม และสนทนาโต้ตอบได้อย่างมีเหตุผลเสมือนมนุษย์ ทําให้มีการนํา ChatGPT มาใช้ในองค์กรกันอย่างแพร่หลาย 

อย่างไรก็ตาม การนํา ChatGPT มาใช้อย่างถูกต้องและปลอดภัยมีความสําคัญอย่างยิ่ง ดังนี้

1. กําหนดนโยบายและแนวปฏิบัติในการใช้งานอย่างชัดเจน

การกําหนดนโยบายและแนวปฏิบัติในการใช้ ChatGPT จะช่วยให้องค์กรใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ดังนี้

นโยบายควรระบุขอบเขตการใช้งาน ChatGPT ที่อนุญาตและไม่อนุญาตอย่างชัดเจน เช่น ห้ามใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจที่สําคัญ, ห้ามใช้สร้างเนื้อหาที่ผิดกฎหมายหรือเป็นเท็จ เป็นต้น 

แนวปฏิบัติควรอธิบายขั้นตอนการขออนุญาตใช้งาน วิธีการตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาก่อนเผยแพร่ มาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูล และวิธีจัดการเมื่อเกิดปัญหาขึ้น

การมีนโยบายและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนจะทําให้พนักงานทุกคนเข้าใจขอบเขตการใช้งาน ChatGPT อย่างเหมาะสม ลดความเสี่ยงในการนําไปใช้งานผิดวัตถุประสงค์ รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับองค์กรและผู้มีส่วนได้เสียว่าจะมีการใช้ ChatGPT อย่างรับผิดชอบ

2. จํากัดสิทธิการเข้าถึงเฉพาะผู้ใช้งานที่ได้รับอนุญาต

การจํากัดสิทธิการเข้าถึง ChatGPT เฉพาะผู้ใช้งานที่ได้รับอนุญาตจะช่วยให้องค์กรสามารถนําเทคโนโลยี AI มาใช้อย่างปลอดภัยและเกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการดําเนินการดังนี้

  • กําหนดสิทธิการเข้าถึงและระดับการใช้งาน ChatGPT ให้เหมาะสมกับหน้าที่ความรับผิดชอบของพนักงานแต่ละกลุ่ม
  • จํากัดการเข้าถึงของพนักงานทั่วไป ให้สามารถใช้ได้เฉพาะเพื่อการทํางานตามหน้าที่เท่านั้น
  • กําหนดให้ผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้อนุมัติสิทธิการใช้งานในระดับสูง เช่น การเข้าถึงข้อมูลอ่อนไหว
  • ติดตามตรวจสอบการใช้งานให้เป็นไปตามนโยบายอย่างเคร่งครัด

การบริหารจัดการสิทธิการใช้งานอย่างเหมาะสม จะช่วยป้องกันการนํา ChatGPT ไปใช้งานผิดวัตถุประสงค์ รั่วไหลของข้อมูลสําคัญ รวมทั้งลดความเสี่ยงด้านการรักษาความปลอดภัยขององค์กร

3. ห้ามใช้ ChatGPT แทนที่การให้คําปรึกษาทางวิชาชีพ 

การห้ามใช้ ChatGPT แทนที่การให้คําปรึกษาทางวิชาชีพจะช่วยป้องกันความเสี่ยงและผลกระทบในหลายด้าน ดังนี้

  • ป้องกันความเสี่ยงต่อผู้รับบริการ
    ChatGPT อาจให้คําแนะนําที่ผิดพลาดหรือไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อผู้รับคําปรึกษาได้
  • รักษามาตรฐานวิชาชีพ
    การให้คําปรึกษาโดย ChatGPT อาจไม่เป็นไปตามจรรยาบรรณและมาตรฐานวิชาชีพที่ได้กําหนดไว้
  • ป้องกันความรับผิดทางกฎหมาย
    หาก ChatGPT ให้คําแนะนําผิดพลาดทําให้เกิดความเสียหาย ผู้ให้บริการอาจต้องรับผิดทางกฎหมายได้
  • รักษาคุณค่าและบทบาทของมนุษย์
    การให้คําปรึกษาทางวิชาชีพควรเน้นความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและการตัดสินใจของมนุษย์ 

ดังนั้น องค์กรควรกําหนดนโยบายห้ามใช้ ChatGPT แทนที่การให้คําปรึกษาโดยมนุษย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านต่างๆ รวมถึงรักษามาตรฐานจริยธรรมและการปฏิบัติงานวิชาชีพไว้

4. ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนนําไปใช้

การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนนําไปใช้งานจริงมีความสําคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ ChatGPT ให้มานั้นถูกต้อง เชื่อถือได้ และเหมาะสมที่จะนําไปใช้งาน ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหายต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

การตรวจสอบความถูกต้องสามารถทําได้โดย 

  • ให้ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้รับผิดชอบพิจารณาตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด
  • เปรียบเทียบกับแหล่งข้อมูลอ้างอิงจากแหล่งอื่นๆ 
  • ทดสอบหาข้อผิดพลาดหรือข้อบกพร่องของข้อมูล
  • วิเคราะห์ข้อมูลย้อนกลับจาก ChatGPT ว่าสอดคล้องกับคําถามหรือโจทย์ที่ให้ไปหรือไม่

การตรวจสอบอย่างรอบคอบจะช่วยลดความเสี่ยงในการใช้ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือไม่น่าเชื่อถือ ทําให้มั่นใจว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการนํา ChatGPT มาใช้ในองค์กร

5. ไม่ให้ ChatGPT ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหรือความลับทางธุรกิจ 

การไม่ให้ ChatGPT ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหรือความลับทางธุรกิจมีความสําคัญ เพื่อป้องกันความเสี่ยงเรื่องการรั่วไหลของข้อมูล และผลกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลและธุรกิจ ดังนี้

  • ป้องกันการเปิดเผยข้อมูลลับ
    ข้อมูลส่วนบุคคลหรือความลับทางธุรกิจอาจรั่วไหลออกสู่สาธารณะได้ หาก ChatGPT นําไปประมวลผล
  • ป้องกันการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
    การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดย ChatGPT อาจทําให้ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลได้
  • ป้องกันการลอกเลียนแบบทางธุรกิจ
    คู่แข่งอาจใช้ประโยชน์จากข้อมูลลับทางธุรกิจที่ ChatGPT ประมวลผล 
  • ป้องกันการถูกลงโทษทางกฎหมาย
    การละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นๆ 

ดังนั้นองค์กรควรกําหนดนโยบายห้ามให้ ChatGPT ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหรือความลับ เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นและผลกระทบร้ายแรงต่อองค์กรและบุคคลอื่นๆ

6. ใช้ร่วมกับเทคโนโลยีตรวจจับ deepfakes และข้อมูลเท็จ

การใช้เทคโนโลยีตรวจจับข้อมูลปลอม (deepfakes) และข้อมูลเท็จร่วมกับ ChatGPT จะช่วยให้การนํามาใช้ประโยชน์มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือมากขึ้นได้ดังนี้

  • ช่วยตรวจจับข้อมูลปลอมที่ ChatGPT อาจสร้างขึ้น ทําให้สามารถคัดกรองข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือออกไปได้
  • ช่วยยืนยันความถูกต้องของข้อมูลที่ ChatGPT ให้มา ทําให้มั่นใจว่าได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง 
  • ป้องกันการหลอกลวงหรือฉ้อฉลโดยใช้ข้อมูลปลอม
  • ป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ลิขสิทธิ์ เนื่องจากใช้ข้อมูลจากแหล่งไม่ถูกต้อง
  • เพิ่มความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร

ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีตรวจสอบควบคู่กันจะช่วยให้ ChatGPT กลายมาเป็นเครื่องมือที่น่าเชื่อถือและเพิ่มประสิทธิภาพในการทํางานให้กับองค์กรได้อย่างแท้จริง

7. ฝึกอบรมพนักงานให้ใช้อย่างถูกต้องและรับผิดชอบ

การฝึกอบรมพนักงานให้ใช้ ChatGPT อย่างถูกต้องและรับผิดชอบจะช่วยให้องค์กรได้รับประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยี AI พร้อมลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้

  • สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อดีและข้อจํากัดของ ChatGPT
  • ฝึกฝนวิธีการใช้งานอย่างถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย
  • สอนการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูลก่อนนําไปใช้ 
  • ฝึกความรับผิดชอบในการใช้ ChatGPT ภายใต้กรอบจริยธรรมและกฎหมาย
  • สอนวิธีป้องกันการใช้ในทางที่ผิด เช่น การสร้างข้อมูลเท็จ หรือละเมิดลิขสิทธิ์
  • สร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ใช้ AI อย่างสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์สูงสุด

การฝึกอบรมที่ครอบคลุมจะช่วยให้พนักงานใช้ ChatGPT อย่างเกิดประโยชน์และลดความเสี่ยงต่อองค์กรได้เป็นอย่างดี

ดังนั้น องค์กรควรกําหนดมาตรการความปลอดภัยและนโยบายการใช้งาน ChatGPT ที่เหมาะสม เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดโดยคํานึงถึงความปลอดภัยและจริยธรรมเป็นสําคัญ

ins ปก 11.23_ChatGPT คือจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติ AI ที่สร้างสรรค์

ChatGPT คือจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติ AI ที่สร้างสรรค์

ChatGPT ถือเป็นจุดเปลี่ยนสําคัญของเทคโนโลยี AI ที่จะนําพามนุษยชาติเข้าสู่ยุคใหม่ของการปฏิวัติ AI ที่สร้างสรรค์ อีกทั้งยังเป็น AI ที่สามารถเรียนรู้จากข้อมูลจํานวนมหาศาลและสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ๆ ออกมาได้อย่างมีเหตุผล มีบุคลิกเป็นมนุษย์ สามารถสนทนาโต้ตอบได้อย่างฉลาด 

นับเป็นครั้งแรกที่ AI ก้าวข้ามขีดจํากัดจากการเป็นเพียงเครื่องมือช่วยทํางาน ไปสู่การมีบุคลิกเป็นมนุษย์มากขึ้น ChatGPT จึงเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้เราเห็นถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของ AI ที่จะกลายมาเป็นผู้ช่วยสร้างสรรค์และเพิ่มผลิตภาพให้มนุษย์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

7 ข้อดีของ ChatGPT ที่เป็นผู้ช่วยการทำงานรอบด้านของมนุษย์

1. สร้างเนื้อหาได้อย่างฉับไว 

ChatGPT สามารถเขียนบทความ ข้อความโฆษณา หรือเนื้อหาต่างๆ ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที หลังจากใส่คําสั่งหรือโจทย์เพียง 2-3 บรรทัด เมื่อเทียบกับการเขียนเนื้อหาเองซึ่งอาจใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวัน ChatGPT ช่วยประหยัดเวลาได้มหาศาล ทำให้นักเขียนหรือผู้สร้างเนื้อหาจึงสามารถใช้เวลาว่างไปกับการตรวจทาน แก้ไข ปรับปรุงเนื้อหาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ ChatGPT สร้างเนื้อหาเบื้องต้นไว้หลายอย่าง ทําให้มีทางเลือกในการคัดเลือกเนื้อหามากขึ้นอีกด้วย

ดังนั้น ChatGPT จึงเป็นเครื่องมือสําคัญในการสร้างเนื้อหาอย่างรวดเร็ว ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทํางานให้สูงขึ้น

2. ตอบคําถามได้อย่างมีเหตุผล

ChatGPT สามารถอธิบายคําตอบต่างๆ ได้อย่างมีเหตุมีผล ทําให้เข้าใจเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น โดย ChatGPT ไม่เพียงตอบคําถามแบบสั้นๆ แต่จะอธิบายเหตุผล ขยายความรายละเอียด เพื่อให้เข้าใจคําตอบอย่างถ่องแท้

ในกรณีที่เป็นคําถามเชิงวิเคราะห์ ChatGPT จะอธิบายแยกแยะประเด็น ยกตัวอย่างประกอบเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน อีกทั้งChatGPT ยังสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล อธิบายเหตุและผล ช่วยให้เข้าใจเนื้อหาอย่างลึกซึ้ง ทําให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเกิดความเข้าใจ ไม่สงสัย และจดจําเนื้อหาได้ดีขึ้น

ดังนั้น ChatGPT จึงเป็นเครื่องมือสําคัญในการอธิบายเนื้อหายากๆ ให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการเรียนรู้แบบออนไลน์

3. แปลภาษาได้หลายภาษา

ChatGPT ช่วยแปลข้อความให้ได้หลายภาษาอย่างถูกต้อง เหมาะสําหรับธุรกิจที่ต้องการขยายตลาดไปต่างประเทศ

การแปลภาษาหลายภาษาของ ChatGPT สามารถส่งเสริมให้ธุรกิจขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้เป็นอย่างดี เนื่องจาก ChatGPT มีความสามารถในการแปลเนื้อหาจากภาษาหนึ่งไปเป็นอีกหลายภาษาได้อย่างถูกต้องแม่นยํา ทําให้ธุรกิจต่างๆ สามารถนําเนื้อหาของตนเอง เช่น เว็บไซต์ บทความ โฆษณา ไปเผยแพร่สู่กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น 

การใช้ ChatGPT จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการจ้างล่ามแปลภาษาจํานวนมากให้กับองค์กร อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนการแปลได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการ ทําให้สามารถตอบสนองลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ลูกค้าชาวต่างชาติก็จะเข้าใจเนื้อหามากขึ้นและสนใจสินค้าและบริการของธุรกิจต่างๆ ง่ายขึ้นเช่นกัน นับว่า ChatGPT เป็นเครื่องมือสําคัญในการช่วยเปิดโอกาสทางธุรกิจในต่างประเทศและขยายช่องทางการตลาดให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

4. ช่วยสอนและอธิบายเนื้อหายากๆ

ChatGPT สามารถช่วยอธิบายเนื้อหายากๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้นและเหมาะสําหรับใช้เป็นตัวช่วยสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพโดย

  • อธิบายเนื้อหาซับซ้อนด้วยภาษาง่ายๆ ใช้ตัวอย่างประกอบให้เข้าใจง่าย
  • แยกแยะเนื้อหายากออกเป็นหัวข้อย่อยๆ เรียงลําดับเนื้อหาให้เป็นขั้นเป็นตอน
  • สรุปประเด็นสําคัญ จับใจความของเนื้อหาได้อย่างถูกต้อง
  • ตอบคําถามเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ พร้อมอธิบายจนเข้าใจอย่างถ่องแท้
  • ให้แหล่งอ้างอิง ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้เรียนศึกษาต่อยอดได้

ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ChatGPT จึงเหมาะสําหรับเป็นตัวช่วยอธิบายเนื้อหายากให้เข้าใจง่าย ช่วยให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

5. ให้คําแนะนําการแก้ปัญหา

ChatGPT สามารถให้คําแนะนําวิธีแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างชาญฉลาด ช่วยให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 

เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ChatGPT สามารถวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาและให้ทางเลือกในการแก้ไขได้หลากหลายวิธี พร้อมทั้งอธิบายข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธีอย่างละเอียด ทําให้สามารถเลือกวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมและเป็นไปได้จริงได้อย่างถูกต้อง

นอกจากนี้ ChatGPT ยังสามารถประยุกต์ความรู้จากปัญหาที่ผ่านมา เพื่อให้คําแนะนําวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆ ได้อย่างเหมาะสม  ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการแก้ปัญหาซ้ําซ้อน หรือปัญหาที่คล้ายคลึงกันได้เป็นอย่างดี

ด้วยคุณสมบัตินี้ ChatGPT จึงเปรียบเสมือนผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คําปรึกษาแนะนําวิธีแก้ปัญหาอย่างชาญฉลาด ช่วยให้องค์กรหรือบุคคลสามารถตัดสินใจแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดเวลา

6. ช่วยสร้างสรรค์งานศิลปะ 

ChatGPT มีศักยภาพในการช่วยสร้างสรรค์งานศิลปะประเภทต่างๆ เช่น บทกวี เพลง ภาพวาด ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อศิลปินและนักสร้างสรรค์ผลงาน

โดย ChatGPT สามารถสร้างสรรค์ผลงานศิลปะตามคําสั่งหรือแนวคิดที่ผู้ใช้กําหนด เช่น สร้างบทกวีเกี่ยวกับความรัก สร้างเพลงแนวดนตรีป็อป หรือวาดภาพทิวทัศน์ตามที่บรรยาย เป็นต้น 

ศิลปินสามารถนําผลงานเหล่านี้ไปเป็นพื้นฐานในการพัฒนาต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ แก้ไขปรับปรุงให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วยจินตนาการและความสามารถของตนเอง ทําให้ประหยัดเวลาและได้ผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น

ดังนั้น ChatGPT จึงเป็นเครื่องมือสําคัญในการสร้างสรรค์งานศิลปะที่ช่วยกระตุ้นและเพิ่มพูนความคิดสร้างสรรค์ให้กับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

7. พัฒนาต่อยอดได้ไม่รู้จบ 

ChatGPT เป็นเทคโนโลยี AI ที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาต่อยอดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เนื่องจากถูกออกแบบมาให้สามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลาจากประสบการณ์และข้อมูลใหม่ๆ

ทีมนักวิจัยของ OpenAI กําลังพัฒนา ChatGPT อย่างต่อเนื่อง โดยป้อนข้อมูลและความรู้ใหม่ๆ เข้าสู่โมเดลอยู่ตลอดเวลา ทําให้ ChatGPT มีความสามารถและประสิทธิภาพในการทํางานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังพยายามลดจุดอ่อนต่างๆ ของ ChatGPT เช่น ปัญหาให้คําตอบที่ผิดพลาดหรือเป็นเท็จ ทําให้ผลลัพธ์ที่ได้จาก ChatGPT มีความน่าเชื่อถือและแม่นยํามากขึ้น

ด้วยการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ChatGPT จึงมีแนวโน้มที่จะกลายมาเป็น AI ที่ชาญฉลาดและใช้งานได้อย่างแพร่หลายมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้นแล้ว ChatGPT จึงเปรียบเสมือนไฟเขียวที่จุดประกายให้เกิดการพัฒนา AI ที่สร้างสรรค์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ ธุรกิจ และสังคมของมนุษย์ในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน

ins ปก 11.23_5 วิธีที่ ChatGPT จะช่วยเพิ่ม Productivity ให้ธุรกิจของคุณ

5 วิธีที่ ChatGPT จะช่วยเพิ่ม Productivity ให้ธุรกิจของคุณ

ChatGPT กําลังเป็นที่จับตามองอย่างมากในวงการเทคโนโลยี AI ล่าสุด เพราะมีศักยภาพสูงในการช่วยเพิ่ม Productivity ให้ธุรกิจต่างๆ ได้อย่างมาก มาดูกันว่าธุรกิจของคุณจะได้ประโยชน์จาก ChatGPT อย่างไรบ้าง

1. ช่วยสร้างเนื้อหาการตลาด 

ChatGPT สามารถช่วยสร้างเนื้อหาการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีความสามารถในการเขียนเนื้อหาในรูปแบบต่างๆ ได้เสมือนมนุษย์ 

นักการตลาดสามารถใช้ ChatGPT สร้างเนื้อหาการตลาด เช่น โฆษณา บทความแนะนําสินค้า ข้อความโปรโมทสินค้า หรือแม้แต่คอนเทนต์สําหรับโซเชียลมีเดีย เพียงแค่อธิบายแนวคิดให้ ChatGPT ฟัง ก็สามารถสร้างเนื้อหาที่เหมาะสมกับแบรนด์และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ChatGPT ยังสามารถปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ อีเมล สื่อสังคมออนไลน์ ทําให้การทําการตลาดแบบออมนิช่องทางง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานด้านการตลาดโดยรวม

2. ตอบคําถามลูกค้าแบบอัตโนมัติ 

ใช้ ChatGPT เป็นตัวช่วยตอบคําถามของลูกค้าบนเว็บไซต์ แชทบอต โซเชียลมีเดีย ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. รวบรวมคําถามและคําตอบจากลูกค้าในอดีต เพื่อฝึกสอน ChatGPT
  2. กําหนดขอบเขตความรู้ให้ ChatGPT โดยใส่ข้อมูลผลิตภัณฑ์ บริการ นโยบายต่างๆของบริษัท
  3. ทดสอบการทํางานของ ChatGPT อย่างสม่ําเสมอ และปรับปรุงคําตอบให้ตรงประเด็นและถูกต้อง
  4. เชื่อมต่อ ChatGPT เข้ากับช่องทางติดต่อลูกค้าต่างๆ เพื่อตอบคําถามแบบ Real-time

การใช้ ChatGPT ช่วยตอบคําถามลูกค้าจะทําให้ลูกค้าได้รับคําตอบทันทีอย่างถูกต้อง สร้างประสบการณ์ที่ดีและช่วยประหยัดเวลาพนักงานได้เป็นอย่างดี

3. สร้างร่างเอกสารและสัญญาต่างๆ 

ChatGPT สามารถสร้างร่างเอกสาร เช่น สัญญา หนังสือเวียน แบบสํารวจ ได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ทําให้ประหยัดเวลาได้มาก ด้วยขั้นตอนดังนี้

  1. ระบุประเภทและวัตถุประสงค์ของเอกสารที่ต้องการให้ ChatGPT สร้าง เช่น สัญญาจ้างพนักงาน หนังสือเวียนแจ้งนโยบายใหม่
  2. อธิบายโครงสร้างและเนื้อหาหลักที่ต้องการให้ปรากฏในเอกสาร เช่น ฝ่าย ตําแหน่ง วันที่ เงื่อนไขการจ้างงาน 
  3. ChatGPT จะสร้างร่างเอกสารตามที่ร้องขอ พร้อมให้ตรวจทานและแก้ไขปรับปรุง
  4. นําเอกสารที่ ChatGPT สร้างไปให้ทีมงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง

การใช้ ChatGPT ช่วยสร้างร่างเอกสารจะทําให้ประหยัดเวลาในการทํางานที่ซ้ําซาก พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่ต้องใช้ทักษะและความคิดสร้างสรรค์มากกว่า

4. สรุปประชุมและจดบันทึกอัตโนมัติ 

ChatGPT สามารถช่วยสรุปประชุมและจดบันทึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยขั้นตอนดังนี้

  1. บันทึกข้อความสําคัญที่พูดคุยกันในที่ประชุมลงใน ChatGPT 
  2. ChatGPT จะวิเคราะห์ข้อความ แยกแยะประเด็นสําคัญออกมาเป็นหัวข้อต่างๆ
  3. จากนั้นสรุปเนื้อหาสาระของแต่ละหัวข้อและเรียบเรียงเป็นบันทึกการประชุม
  4. ตรวจทานความถูกต้องของรายละเอียดและแก้ไขเพิ่มเติมหากจําเป็น
  5. แจกจ่ายบันทึกการประชุมให้ผู้เข้าร่วม

การใช้ ChatGPT ช่วยสรุปประชุมจะทําให้ได้บันทึกการประชุมที่ครอบคลุมและรวดเร็วขึ้น ช่วยประหยัดเวลาในการจดบันทึกได้อย่างมาก

5. แปลงเนื้อหาเป็นภาษาต่างๆ 

ChatGPT สามารถช่วยแปลเนื้อหาเป็นภาษาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยขั้นตอนดังนี้

  1. ระบุภาษาต้นฉบับและภาษาเป้าหมายที่ต้องการแปล เช่น แปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ 
  2. นําเนื้อหาที่ต้องการแปลใส่ลงใน ChatGPT 
  3. ChatGPT จะแปลเนื้อหาออกมาเป็นภาษาที่ร้องขอ
  4. ตรวจทานความถูกต้องของเนื้อหาที่แปล แก้ไขข้อผิดพลาดหากจําเป็น
  5. นําเนื้อหาที่แปลแล้วไปใช้งานตามวัตถุประสงค์ เช่น ทําเว็บไซต์หลายภาษา

การใช้ ChatGPT ช่วยแปลเนื้อหาจะทําให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติได้มากขึ้น ขยายโอกาสทางธุรกิจไปในวงกว้าง

สรุปแล้ว ChatGPT จะช่วยประหยัดเวลา ลดต้นทุน และเพิ่ม Productivity ให้ธุรกิจของคุณได้เป็นอย่างดี จึงเป็นเครื่องมือสําคัญที่ธุรกิจควรนํามาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ins ปก 11.23_5 อันดับอุตสาหกรรม ที่ได้รับผลกระทบจาก ChatGPT

5 อันดับอุตสาหกรรม ที่ได้รับผลกระทบจาก ChatGPT 

ChatGPT กําลังสร้างผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลก ล่าสุดเทคโนโลยี AI นี้ได้สร้างความฮือฮาจนกลายเป็นกระแสวงการติดต่อสื่อสารที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

มาดูกันว่าอุตสาหกรรมใดบ้างที่ได้รับผลกระทบจาก ChatGPT มากที่สุด 5 อันดับแรก

1. การศึกษา 

ChatGPT สามารถสร้างเนื้อหาการเรียนรู้และทําการบ้านแทนผู้เรียนได้อย่างมีคุณภาพสูง ทําให้นักเรียนนิยมใช้ประโยชน์ ChatGPT ในทางที่ผิด เช่น การลอกการบ้านหรือจ้างให้ ChatGPT ทํารายงานแทนตนเอง โดยไม่ต้องมีความเข้าใจในเนื้อหาจริงๆ

สถานศึกษาจําเป็นต้องหาแนวทางป้องกัน เช่น กําหนดให้นักเรียนต้องอธิบายความเข้าใจในงานที่ทํา มอบหมายงานที่ต้องใช้ทักษะความคิดสร้างสรรค์ หรือเน้นการทํางานเป็นกลุ่ม เพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะการเรียนรู้จริงๆ ตามจุดประสงค์ของหลักสูตร

2. สื่อและโฆษณา 

ChatGPT สามารถสร้างเนื้อหาสื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทําให้ธุรกิจสื่อต้องปรับตัวและหาแนวทางใหม่ในการสร้างคุณค่าให้กับเนื้อหา ความสามารถในการสร้างเนื้อหาสื่อ เช่น บทความ ข่าว โฆษณา ได้อย่างรวดเร็วและในปริมาณมาก ทําให้สื่อหลายแขนงเกิดการวิตกกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจและอาชีพของตน

อย่างไรก็ตาม สื่อต่างๆ ก็ยังมีโอกาสปรับตัวและสร้างคุณค่าเพิ่มเติม โดยเน้นที่บทบาทมนุษย์ในการกลั่นกรองเนื้อหา ตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงการนําเสนอเนื้อหาที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว ที่ AI ยังไม่สามารถแทนที่ได้ ธุรกิจสื่อจึงควรมอง ChatGPT เป็นเครื่องมือช่วยสร้างสรรค์เนื้อหาเบื้องต้น มากกว่าการมองว่าเป็นภัยคุกคาม

3. การเงิน 

ChatGPT อาจถูกนําไปใช้สร้างข้อความหลอกลวงทางการเงิน ธนาคารจําเป็นต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย มีความเสี่ยงที่จะถูกนําไปใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะการสร้างข้อความหลอกลวงให้ผู้บริโภคหลงเชื่อและถูกฉ้อโกงทางการเงิน

ดังนั้นธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ จําเป็นต้องเตรียมมาตรการรับมือ เช่น พัฒนาระบบ AI ในการตรวจจับข้อความหลอกลวง การให้ความรู้ผู้บริโภค การระบุแหล่งที่มาของข้อความที่ AI สร้างขึ้น และการประชาสัมพันธ์เตือนภัยไม่ให้หลงเชื่อง่ายๆ

การเตรียมความพร้อมรับมือกับการใช้ ChatGPT ในทางที่ผิด จะช่วยลดความเสียหายทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นกับผู้บริโภคได้

4. กฎหมาย 

ChatGPT ท้าทายบทบาทของทนายในการให้คําปรึกษากฎหมายเบื้องต้น ทําให้ต้องพิจารณาผลกระทบต่อจริยธรรมและการประกอบวิชาชีพ

ChatGPT มีข้อจํากัดในการให้คําปรึกษาทางกฎหมาย เนื่องจากไม่สามารถจดจํากฎหมายและคําพิพากษาได้อย่างครอบคลุมและแม่นยํา หาก ChatGPT ถูกนํามาใช้แทนทนาย จําเป็นต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของคําแนะนําโดยผู้เชี่ยวชาญ และมีมาตรการรับผิดชอบหากเกิดความเสียหาย

นอกจากนี้ ต้องพิจารณาจริยธรรมในการใช้ AI เช่น การเปิดเผยว่าเป็นคําแนะนําจาก AI ไม่ใช่ทนายจริง รวมถึงความโปร่งใสในการพัฒนาโมเดล AI เพื่อให้ประชาชนได้รับคําแนะนําทางกฎหมายอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม

5. การบันเทิง 

ChatGPT สร้างความท้าทายต่อการสร้างสรรค์เนื้อหาบันเทิงแบบดั้งเดิม ศิลปินอาจต้องปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยี ซึ่ง ChatGPT สามารถสร้างบทภาพยนตร์ บทเพลง หรืองานเขียนสร้างสรรค์ได้อย่างรวดเร็ว ท้าทายศิลปินและคนทํางานบันเทิงดั้งเดิม

อย่างไรก็ตาม ศิลปินยังคงมีคุณค่าในการถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดและประสบการณ์มนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ยังไม่สามารถแทนที่ได้ ศิลปินควรปรับตัว โดยใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยสร้างสรรค์ผลงานเบื้องต้นและพัฒนาต่อยอดด้วยการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์และทักษะของตนเอง เพื่อให้ผลงานมีเอกลักษณ์โดดเด่นและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า ChatGPT จึงเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายต่ออุตสาหกรรมต่างๆ การเตรียมพร้อมรับมือจึงเป็นสิ่งจําเป็นอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน

ins ปก 11.23_7 คำตอบที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับ ChatGPT

7 คำตอบที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับ ChatGPT 

Chat Generative Pretrained Transformer หรือที่คุณอาจรู้จักในนามว่า ChatGPT เป็นหุ่นยนต์แชตและเครื่องมือภาษา AI ที่ถูกเปิดตัวโดย OpenAI เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 ครับ

แต่ท่ามกลางความตื่นเต้นของการเปิดตัวนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับ ChatGPT และปัญญาประดิษฐ์การสนทนาโดยทั่วไป คำถามมากมายยังคงอยู่ว่า จริงๆ แล้ว ต้นกำเนิดของ AI คืออะไร และสิ่งที่มันสามารถทำได้สำหรับคนและการใช้งานในองค์กร คืออะไรกันแน่

ในที่นี้ ผู้เชี่ยวชาญ Gartner จะเป็นผู้ตอบข้อสงสัยบางส่วนที่ได้รับมาจากลูกค้าของ Gartner กันครับ

ข้อที่ 1: ChatGPT จะเข้ามีบทบาทอย่างไรในองค์กร?

ChatGPT และโมเดลพื้นฐานอื่นๆ ที่คล้ายกัน เป็นหนึ่งในไฮเปอร์ออโตเมชั่น (hyperautomation) และนวัตกรรม AI มากมาย โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชันทางสถาปัตยกรรมที่เป็นแบบอัตโนมัติ โดยดำเนินธุรกิจและกระบวนการด้านไอทีอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะใช้เพื่อแทนที่ ปรับเทียบใหม่ และกำหนดกิจกรรมและงานบางอย่างที่รวมอยู่ในงานต่างๆ อีกด้วย

ข้อที่ 2: เราสามารถใช้ ChatGPT ด้วยวิธีใดบ้าง

ChatGPT มีความสามารถมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • การสร้างและช่วยปรับปรุงการพัฒนาบทความและโค้ด
  • สรุปข้อความ
  • การจัดประเภทเนื้อหา
  • ตอบคำถาม
  • การแปลและการแปลงภาษา (รวมถึงภาษาการเขียนโปรแกรม)

นอกจากนี้ ยังมีสี่วิธีหลักในการปรับใช้เทคโนโลยี ChatGPT ดังนี้

  • ใช้งานตามรูปแบบเดิม: คุณสามารถใส่ข้อความและรับผลลัพธ์ผ่านอินเทอร์เฟซบนเว็บ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน
  • วิธีการใช้งานข้อความโดยไม่ใช้ API: การใช้เทคโนโลยีร่วมกับเทคโนโลยีอื่น ๆ เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการทำงาน คุณสามารถสร้างขั้นตอนการทำงานนี้ด้วยตนเองหรือใช้เทคโนโลยีสแกนหน้าจอและแชตบอตอัตโนมัติ (RPA) เข้ามาช่วย
  • วิธีการใช้งานข้อความโดยใช้ API: วิธีการนี้ช่วยให้คุณสามารถตั้งค่าและประเมินคำแนะนำโดยโปรแกรม ที่สำคัญคุณสามารถผนวก ChatGPT กับแอปพลิเคชันอื่นๆ ได้โดยตรง
  • การสร้างแบบกำหนดเอง/การโต้ตอบโดยตรงกับโมเดลพื้นฐาน: คุณสามารถใช้ประโยชน์จากเวอร์ชัน GPT2/GPT3 ของคุณเองหรือโมเดลพื้นฐานอื่นๆ เพื่อการใช้งานตามความต้องการได้ อย่างไรก็ตามคุณจะไม่สามารถใช้เวอร์ชันที่กำหนดเองของ GPT3 หรือ GPT4 ได้ เพราะผู้ใช้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เอง

ลำดับที่ 3: ผลกระทบด้านแรงงานจะเป็นอย่างไร?

อาจจะเป็นเรื่องที่พูดยาก เพราะงานใหม่จะมีขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่งานอื่นๆ อาจจะถูกนิยามใหม่ การปรับเปลี่ยนจำนวนพนักงานอาจแตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรม สถานที่ตั้ง ขนาดองค์กร และข้อเสนอ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เป็นที่ชัดเจนว่าการใช้เครื่องมือ อย่าง ChatGPT, ไฮเปอร์ออโตเมชั่น และนวัตกรรม AI อื่นๆ จะมุ่งเน้นไปที่งานที่มีการทำซ้ำและมีปริมาณสูง โดยเน้นที่ประสิทธิภาพ การเพิ่มผลผลิต และปรับปรุงควบคุมคุณภาพ ซึ่ง ChatGPT จะถูกรวมเข้ากับแอปพลิเคชันทางธุรกิจด้วย สิ่งนี้จะทำให้การนำไปใช้งานง่ายขึ้น และข้อมูลบริบทที่เกี่ยวข้องจะพร้อมใช้งานในแอปพลิเคชัน

ลำดับที่ 4: ChatGPT มีข้อจำกัดในปัจจุบันอย่างไรบ้าง?

  • ChatGPT ถูกฝึกอบรมด้วยข้อมูลถึงเดือนกันยายน 2021 เท่านั้น ดังนั้นจึงมีความรู้จำกัดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่หลังจากนั้นมา 
  • ไม่สามารถอ้างอิงแหล่งที่มาได้ ซึ่งอาจผิดและไม่มีความสอดคล้องกัน ไม่ว่าจะเกิดจากแหล่งที่มาหรือวิธีการรวมเข้าด้วยกันโดย ChatGPT
  • ChatGPT ยังไม่สามารถยอมรับอินพุตรูปภาพหรือสร้างรูปภาพได้ (แม้ว่าในอนาคตจะสามารถใช้ร่วมกับโมเดล AI ที่สร้างภาพได้)
  • คุณไม่สามารถฝึก ChatGPT บนฐานความรู้ของคุณเองได้ 
  • ถึงแม้ว่ามันจะให้ความรู้สึกเสมือนกำลังดำเนินการงานที่ซับซ้อน แต่มันไม่มีความรู้เรื่องความเข้าใจแนวคิดที่อยู่ภายใน มันเพียงทำนายเท่านั้น
  • การรับประกันความเป็นส่วนตัวของข้อมูลยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด 
  • แม้จะมีการปรับปรุงบางอย่างเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ก็ไม่สามารถพึ่งพาการคำนวณได้ดีเท่าไร

ลำดับที่ 5: ChatGPT ปลอดภัยแค่ไหนที่พนักงานจะใช้?

เรายังคงแนะนำข้อควรระวังเมื่อใช้ ChatGPT แม้ว่า OpenAI และ Microsoft ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ระบุว่าข้อมูลทั้งหมดที่แบ่งปันเป็นความลับและเป็นส่วนตัว แต่พวกเขายังไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลในบางพื้นที่ เช่น สิ่งที่พวกเขาทำกับข้อมูลพร้อมท์ที่ไวต่อบริบท จนกว่าจะมีความชัดเจนเพิ่มเติม องค์กรควรแนะนำให้พนักงานทุกคนที่ใช้ ChatGPT ปฏิบัติต่อข้อมูลที่พวกเขาแบ่งปันราวกับว่าพวกเขากำลังโพสต์บนเว็บไซต์สาธารณะหรือแพลตฟอร์มโซเชียล แต่โดยทั่วไปแล้ว Microsoft ซึ่งมีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับปัญหาระดับองค์กรเหล่านี้ มีความชัดเจนและเชิงรุกมากขึ้นในการสร้างนโยบายความปลอดภัย การรักษาความลับ และความเป็นส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับ ChatGPT มากกว่าที่ OpenAI มี

ด้วยเหตุนี้ เราขอแนะนำให้คุณสร้างนโยบายบริษัทแทนที่จะบล็อก ChatGPT ผู้ปฏิบัติงานที่มีความรู้ของคุณมีแนวโน้มที่จะใช้งานมันอยู่แล้ว และการแบนโดยสิ้นเชิงอาจนำไปสู่การใช้งาน ChatGPT แบบ “เงา” ในขณะที่ทำให้องค์กรเข้าใจผิดในการปฏิบัติตามข้อกำหนดเท่านั้น แนวทางที่สมเหตุสมผลคือการตรวจสอบการใช้งานและส่งเสริมนวัตกรรม แต่อย่างไรก็ดีให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีนี้ถูกใช้เพื่อเสริมสร้างงานที่เกิดขึ้นภายในและมีข้อมูลที่มีคุณสมบัติอย่างถูกต้อง 

ลำดับที่ 6: อะไรคือขั้นต่อไปสำหรับ ChatGPT และ AI เชิงสร้างสรรค์ในวงกว้างมากขึ้น

“ChatGPT จะออกจากช่วงเบต้าไปสู่ช่วงทดลองและระยะนำร่อง” Bern Elliot รองประธานและนักวิเคราะห์ที่โดดเด่นของ Gartner กล่าว “ในช่วงเวลานั้น เราคาดหวังว่าจะมีการนำไปใช้เพิ่มมากขึ้น แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานให้เติบโต และคาดว่าจะเห็นการนำไปใช้ที่เพิ่มขึ้นในขั้นตอนการทำงานและแอปพลิเคชันทางธุรกิจ อย่างไรก็ตามอาจเป็นไปได้ว่าจะมีการตอบโต้เชิงลบต่อประเด็นต่างๆ รวมถึงข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว การใช้ข้อมูลในทางที่ผิด และอคติ นี่เป็นเรื่องปกติเมื่อเทคโนโลยีเคลื่อนจากจุดสูงสุดของความคาดหวังที่สูงเกินจริงไปสู่ความคาดหวังต่ำสุด”

ลำดับที่ 7: ในระหว่างนี้ คุณขอแนะนำให้เราดำเนินการอย่างไร?

  • ดำเนินการต่อ แต่อย่ามากเกินไป: รับรู้ว่านี่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและสิ่งที่คุณได้ยินส่วนใหญ่ถือเป็นเรื่องเกินจริง ที่กล่าวว่าศักยภาพมีความสำคัญ
  • สำรวจกรณีการใช้งาน AI ทั่วไปอื่นๆ ที่เกิดขึ้นใหม่: ลองก้าวไปหาเส้นทางของ GPT ที่เน้นภาษา
  • ส่งเสริมการทดลองอย่างรอบคอบ: ส่งเสริมการคิดนอกกรอบเกี่ยวกับกระบวนการทำงาน แต่ไม่ใช่ก่อนที่คุณจะกำหนดแนวทางการใช้งาน รับรองความเข้าใจในความเสี่ยง ปัญหา และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด และได้สร้างข้อความทั้งหมดที่ได้รับการตรวจสอบโดยมนุษย์
  • สร้างกองกำลังเฉพาะกิจที่รายงานต่อ CIO และ CEO: สำรวจภัยคุกคามที่มีอยู่และโอกาสที่สำคัญเสมอ วางแผนงานสำหรับการค้นพบ และกำหนดขอบเขตทักษะ บริการ และการลงทุนที่จำเป็นจะเป็นผลดี

สรุป

1. ChatGPT เป็นเครื่องมือที่มีความสามารถในการสร้างข้อความและโค้ด สรุปข้อความ จำแนกเนื้อหา ตอบคำถาม แปลและแปลงภาษา และสามารถนำไปใช้ในหลายลักษณะต่างๆ  ของการทำงาน

2. มีหลายวิธีในการใช้งาน ChatGPT และสามารถนำมาใช้ในการสร้างงานและกระบวนการต่าง ๆ ในองค์กร

3. การใช้ ChatGPT อาจมีผลกระทบต่อแรงงานโดยการสร้างงานใหม่ แต่ก็อาจทำให้งานอื่น ๆ  นั้นถูกนิยามใหม่ ซึ่งความเปลี่ยนแปลงของแรงงานขึ้นอยู่กับตัวองค์กรแต่ละแห่ง

4. ข้อจำกัดของ ChatGPT ประกอบด้วยความจำกัดในการรับข้อมูล ไม่สามารถอ้างอิงข้อมูลที่ใช้ในการสร้างข้อความ ไม่สามารถใช้รูปภาพ ไม่สามารถฝึก ChatGPT ด้วยฐานความรู้ของคุณเอง และมีข้อจำกัดในการคำนวณทางคณิตศาสตร์

5. ความปลอดภัยของการใช้งาน ChatGPT ยังไม่มีการตรวจสอบโดยละเอียด แต่คุณควรต้องระมัดระวังในการใช้งาน

6. ในอนาคต ChatGPT การนำมาใช้นั้นทาง Bern Elliot คาดหวังว่าจะเพิ่มขึ้น แต่ยังมีโอกาสเกิดปัญหา เช่น ความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว การนำข้อมูลมาใช้งานอย่างไม่เหมาะสม และความลำบาก

7. ในระหว่างนี้ ควรดำเนินการอย่างระมัดระวัง สำรวจให้รู้จักการใช้งาน ChatGPT และหาโอกาสนำนวัตกรรม AI ที่กำลังเติบโตขึ้นมาใช้งานให้มาก ควรส่งเสริมการทดลองอย่างระมัดระวัง และสร้างนโยบายการใช้งานในองค์กรของคุณ และสร้างกลุ่มงานผลต่อ CIO และ CEO เพื่อสำรวจโอกาสและความเสี่ยง และวางแผนเส้นทางสำรวจและขอบเขตทรัพยากรที่จำเป็น และการลงทุนที่ต้องการเสมอ

กล่าวได้ว่า ChatGPT เป็นเครื่องมือที่มีความสามารถในการสร้างข้อความและโค้ด และมีประโยชน์ในหลายลักษณะการใช้งาน แต่มีข้อจำกัด เช่น ไม่สามารถรับข้อมูลล่าสุด มีความจำกัดในความความเป็นความเป็นส่วนตัว และต้องใช้ระมัดระวังในการใช้งานเนื่องจากความปลอดภัยข้อมูลยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด ในอนาคต ChatGPT มีโอกาสเจอปัญหาต่าง ๆ  แต่ยังมีศักยภาพสำคัญ การใช้งาน ChatGPT ควรดำเนินการอย่างระมัดระวัง และสร้างนโยบายการใช้งานและแบ่งหน้าที่ให้กับกลุ่มงานเพื่อสำรวจโอกาสและความเสี่ยง เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างประณีตและปลอดภัยขึ้นในองค์กรของคุณ

ins ปก 11.23_การใช้ “ChatGPT” ช่วยพัฒนาแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ

การใช้ “ChatGPT” ช่วยพัฒนาแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ

การพัฒนาแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์เป็นกระบวนการสำคัญในการสร้างซอฟต์แวร์ที่ทำงานผ่านเว็บเบราวเซอร์ ซึ่งมอบความเข้ากันได้ข้ามแพลตฟอร์มแก่ผู้ใช้ ซึ่งการสร้างแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์จะช่วยเพิ่มสถานะออนไลน์และมีการมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้มากขึ้น

การใช้ “ChatGPT” เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่เราต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในการใช้งานและปฏิบัติตามคำแนะนำที่สอดคล้องกับนโยบายความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลลูกค้าหรือผู้ใช้ ดังนั้นบทความนี้จะพาทุกคนไปดูว่า การนำ “ChatGPT” มาช่วยพัฒนาแอปพลิเคชันและเว็บไซต์มีผลดีอย่างไร มีขั้นตอนที่ควรพิจารณาการใช้ “ChatGPT” อย่างไรบ้าง และเหตุผลที่ควรใช้ “ChatGPT” ในการพัฒนาแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ครับ

ใช้ “ChatGPT” ช่วยพัฒนาแอปพลิเคชันและเว็บไซต์มีผลดีอย่างไร

การใช้ “ChatGPT” ในการพัฒนาแอปพลิเคชันและเว็บไซต์มีหลายปัจจัยที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและมีประโยชน์สำหรับผู้ใช้และธุรกิจ ซึ่งประกอบไปด้วย

1. บริการลูกค้าและสนับสนุน: “ChatGPT” สามารถใช้ในระบบสนับสนุนลูกค้าเพื่อตอบคำถามของลูกค้าและให้ข้อมูลต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว 24 ชั่วโมงตลอดวัน

2. อัตราการตอบสนองที่รวดเร็ว: “ChatGPT” สามารถให้คำตอบทันใจแก่ผู้ใช้ที่มาถามคำถามหรือต้องการความช่วยเหลือ โดยไม่ต้องรอนาน

3. การสร้างและแก้ไขเนื้อหา: “ChatGPT” สามารถช่วยในการสร้างเนื้อหาเพิ่มเติมสำหรับแอปหรือเว็บไซต์โดยที่ไม่จำเป็นต้องรอคอนเทนต์จากมนุษย์ และยังช่วยในการเรียบเรียงข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหา

4. ตรวจสอบความถูกต้องและคุณภาพของข้อมูล: “ChatGPT” สามารถช่วยในการตรวจสอบความถูกต้องและคุณภาพของข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นโดยคอนเทนต์มนุษย์

5. ความทันสมัยและอัปเดต: “ChatGPT” สามารถให้ข้อมูลที่ทันสมัยและปรับปรุงตามข้อมูลใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว

6. ประหยัดเวลาและทรัพยากร: การใช้ “ChatGPT” สามารถลดการตอบรับคำถามซ้ำซ้อนและส่งผลให้ความสามารถของข้อมูลและประสิทธิภาพของธุรกิจเพิ่มขึ้น

7. ความสามารถในการปรับแต่ง: “ChatGPT” สามารถปรับแต่งเพื่อให้ตรงตามความต้องการของแอปหรือเว็บไซต์ ให้มีลักษณะเฉพาะของธุรกิจ

8. การลดค่าใช้จ่าย: การใช้ “ChatGPT” สามารถลดค่าใช้จ่ายในการดูแลและรักษาระบบการสนับสนุนลูกค้า เนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีพนักงานหลายคนในบทบาทนี้

9. การใช้งานแบบต่อเนื่อง: “ChatGPT” สามารถใช้งานตลอดเวลาและตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ไม่มีข้อจำกัดเวลา

10. การเสริมสร้างแบรนด์: การใช้ “ChatGPT” ในการให้บริการลูกค้าและสนับสนุนที่มีคุณภาพสามารถช่วยในการเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและความคุ้มค่าให้กับแบรนด์ของธุรกิจ

ผลประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับวิธีการใช้และปรับแต่ง “ChatGPT” รวมถึงการทำงานร่วมกับแอปและเว็บไซต์ที่เฉพาะเจาะจงของคุณ แต่มีข้อได้เปรียบหลายอย่างที่สามารถมีผลเชิงบวกต่อธุรกิจและผู้ใช้ของคุณได้

ขั้นตอนที่ควรพิจารณาการใช้ “ChatGPT” พัฒนาแอปพลิเคชันและเว็บไซต์

1. นโยบายความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย:

  • ตรวจสอบกฎหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่ “ChatGPT” อาจได้รับ
  • พัฒนานโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจนและแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเกี่ยวกับวิธีการใช้ข้อมูลของพวกเขา

2. การทดสอบและปรับแต่ง:

  • ทดสอบการใช้ “ChatGPT” เพื่อดูว่าการตอบสนองของระบบมีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่ และปรับแต่งการตอบสนองตามความต้องการของแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์

3. การจำกัดการเข้าถึง:

  • จำกัดการเข้าถึง “ChatGPT” เพื่อป้องกันการใช้งานที่ไม่เหมาะสมหรือที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยง

4. การระบุประสิทธิภาพ:

  • จัดการความสามารถของ “ChatGPT” เพื่อให้มีประสิทธิภาพตรงตามความต้องการของแอปหรือเว็บไซต์

5. ความปลอดภัยและการป้องกัน:

  • นำเสนอมาตรการความปลอดภัยเพื่อป้องกันการถูกโจมตีหรือการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

6. การติดตามการใช้งาน:

  • ติดตามการใช้งานของ “ChatGPT” เพื่อทราบข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานที่สามารถนำไปใช้ในการปรับปรุงและปรับเปลี่ยน

7. การพัฒนาและการปรับปรุง:

  • ตรวจสอบและปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและคงความปลอดภัย

8. ความรับผิดชอบทางกฎหมาย:

  • อาจต้องปฏิบัติตามกฎหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน “ChatGPT” และการเก็บข้อมูล

การพัฒนาแอปและเว็บไซต์ที่ใช้ “ChatGPT” ต้องเรียนรู้และปฏิบัติตามระเบียบอย่างรอบคอบเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้ รวมทั้งรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพของระบบในขณะเดียวกัน

เหตุผลที่ควรใช้ “ChatGPT” ในการพัฒนาแอปพลิเคชันและเว็บไซต์

การใช้ “ChatGPT” ในการพัฒนาแอปพลิเคชันและเว็บไซต์มีหลายเหตุผลที่ทำให้มันมีคุณค่าและมีประโยชน์ นี่คือเหตุผลบางประการ

1. บริการลูกค้าอัตโนมัติ: คุณสามารถใช้ “ChatGPT” เพื่อสร้างบริการลูกค้าอัตโนมัติที่มีความปราศจากผู้ควบคุม ที่สามารถตอบคำถามจากลูกค้า ช่วยในการแก้ไขปฏิบัติเพื่อตอบสนองต่อการข้อสงสัยและความต้องการของลูกค้า นี้สามารถลดการต้องมีบุคคลเข้ามาสนับสนุนลูกค้าอย่างมีความพร้อมของบุคลากร

2. ประสิทธิภาพในการตอบสนอง: “ChatGPT” สามารถตอบสนองต่อคำถามและข้อความจากผู้ใช้ทันที โดยไม่มีความรอคอยหรือเสียเวลา ซึ่งทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขาได้รับบริการแบบรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

3. การตรวจสอบข้อผิดพลาด: “ChatGPT” สามารถช่วยในการตรวจสอบข้อผิดพลาดในข้อความและข้อมูลที่ถูกป้อนเข้ามา นี้สามารถช่วยลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากมนุษย์ และเชื่อมโยงไปสู่ความถูกต้องและคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น

4. การสนับสนุนการตัดสินใจ: “ChatGPT” สามารถให้ข้อมูลและคำแนะนำเพื่อช่วยผู้ใช้ในการตัดสินใจ เช่น การเลือกสินค้าหรือบริการ สามารถเพิ่มรายได้และประสิทธิภาพในการขาย

5. การพัฒนาที่ตรงใจและทันสมัย: การใช้ “ChatGPT” ในแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงและอัปเดตข้อมูลและฟังก์ชันอย่างรวดเร็วตามการเปลี่ยนแปลงในตลาดและความต้องการของผู้ใช้

6. การลดค่าใช้จ่าย: “ChatGPT” สามารถทำงานตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องมีการจ่ายค่าตอบแทนต่อชั่วโมงการทำงาน ซึ่งลดค่าใช้จ่ายสำหรับการจ้างบุคลากร

7. การปรับใช้ตามความต้องการ: คุณสามารถปรับใช้ “ChatGPT” ให้ตรงกับลักษณะและความต้องการของแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะของคุณ

การใช้ “ChatGPT” ในการพัฒนาแอปพลิเคชันและเว็บไซต์สามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้ใช้ของคุณและช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตขึ้นได้

ins ปก 11.23_การประยุกต์ใช้ “ChatGPT” ในการสร้างสินค้าและบริการใหม่

การประยุกต์ใช้ “ChatGPT” ในการสร้างสินค้าและบริการใหม่

การพัฒนาสินค้าสักชิ้นหรือบริการบางอย่างในปัจจุบัน แน่นอนว่าต้องใช้เวลาคิด เวลาศึกษา และเวลาทำความเข้าใจในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านประโยชน์ ด้านการตลาด ด้านการขาย และด้านต่าง ๆ อีกมากมาย นับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากว่าเราจะทำออกมาให้สำเร็จได้

ซึ่งแน่นอนว่าในปัจจุบันนี้ก็มีเครื่องไม้เครื่องมือ เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ชีวิตเราอยู่หลากหลายประเภทนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคโนโลยีที่กำลังมีบทบาทกับชีวิตเรามากอย่างเจ้า “ChatGPT” นั่นเองครับ ต้องขอบอกว่าการใช้ “ChatGPT” เพื่อสร้างสินค้าและบริการใหม่เป็นอุดมการที่น่าทึ่งและสามารถทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้มากขึ้นเลยทีเดียวครับ ดังนั้น บทความนี้จะพาทุกคนไปดูว่า “ChatGPT” จะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการสร้างสินค้าและบริการใหม่ ๆ ของเราได้อย่างไรบ้างกันครับ

ขั้นตอนการประยุกต์ใช้ “ChatGPT” ในการสร้างสินค้าและบริการ

1. วางแผนและค้นคว้า

เริ่มต้นด้วยการวางแผนและค้นคว้าที่ลึกลงเกี่ยวกับตลาดและกลุ่มเป้าหมายของคุณ รู้เรื่องธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดที่มีอยู่ และคิดเกี่ยวกับวิธีที่ “ChatGPT” อาจช่วยเสริมเติมในด้านต่าง ๆ ของธุรกิจของคุณ เช่น การบริการลูกค้า การวิเคราะห์ข้อมูล การสร้างเนื้อหา หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่

2. พัฒนา Chatbot หรือเซอร์วิส

สร้าง Chatbot หรือเซอร์วิสที่ใช้ “ChatGPT” เพื่อรับคำถาม ตอบคำถาม และให้ข้อมูลหรือคำแนะนำแก่ลูกค้า คุณสามารถใช้ API ที่มีการสนับสนุน “ChatGPT” หรือสร้างแอปพลิเคชันเป็นของคุณเพื่อการประยุกต์ใช้ที่กำหนดเอง

3. สร้างเนื้อหา

“ChatGPT” สามารถช่วยในการสร้างเนื้อหาเพิ่มเติมสำหรับเว็บไซต์ บล็อก สื่อสังคม หนังสือขาย หรือเนื้อหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธืรกิจของคุณ คุณสามารถใช้ “ChatGPT” เพื่อเขียนบทความ รายงาน เรื่องราว คอนเทนต์ และอื่น ๆ

4. การตอบคำถามลูกค้า

“ChatGPT” สามารถช่วยในการตอบคำถามหรือข้อสงสัยจากลูกค้าของคุณ ไม่ว่าจะในรูปแบบข้อความหรือเสียง ซึ่งจะช่วยในการเสริมบริการลูกค้าและลดภาระงานของทีมสนับสนุน

5. การวิเคราะห์ข้อมูล

“ChatGPT” สามารถช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อช่วยในการตัดสินใจธุรกิจ อาจเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด การพยากรณ์แนวโน้มธุรกิจ หรือการระบุความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล

6. การพัฒนาผลิตภัณฑ์

ใช้ “ChatGPT” เพื่อช่วยในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ คุณสามารถใช้ในการสร้างแนวคิดหรือการพัฒนาโครงสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือใช้ “ChatGPT” เพื่อทดสอบและปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิม

นอกจากนี้การประยุกต์ใช้ “ChatGPT” ในธุรกิจของคุณสามารถช่วยในการประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มผลลัพธ์ทางผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ

ข้อดีและข้อเสียที่ใช้ “ChatGPT” ในการสร้างสินค้าและบริการใหม่

การใช้ “ChatGPT” ในการสร้างสินค้าและบริการใหม่ อาจจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งมีดังนี้

ข้อดี

1. การเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพ: “ChatGPT” สามารถให้คำแนะนำและข้อมูลในเวลาที่รวดเร็ว ทำให้สามารถปรับปรุงความเร็วในการตอบสนองต่อคำถามลูกค้าหรือการคำนวณเวลาการแก้ปัญหาลูกค้า

2. การลดต้นทุน: การใช้ “ChatGPT” เพื่อตอบคำถามและแก้ปัญหาสามารถลดความต้องการในการจ้างพนักงานบริการลูกค้าหรือสนับสนุนลูกค้าที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งสามารถลดต้นทุนการจ้างงานได้

3. การตัดสินใจเพื่อธุรกิจ: “ChatGPT” สามารถช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลและแนวโน้มตลาด ทำให้คุณสามารถตัดสินใจทางธุรกิจในลักษณะที่รวดเร็วและมีความระมัดระวัง

4. การสร้างเนื้อหา: “ChatGPT” สามารถช่วยในการสร้างเนื้อหาเพิ่มเติมสำหรับเว็บไซต์ของคุณ บล็อก สื่อสังคม หรือแม้กระทั่งหนังสือขาย ทำให้คุณสามารถเผยแพร่ข้อมูลและเนื้อหาอย่างรวดเร็ว

5. การปรับปรุงความสัมพันธ์ลูกค้า: “ChatGPT” สามารถช่วยในการติดต่อกับลูกค้าของคุณและให้คำแนะนำหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาหรือตอบคำถาม

ข้อเสีย

1. ความไม่แน่นอน: “ChatGPT” อาจไม่เป็นไปตามความคาดหมายและอาจสร้างคำตอบที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมในบางกรณี

2. ความจำกัดในความเข้าใจ: “ChatGPT” อาจไม่เข้าใจบางคำถามหรือข้อมูลที่ซับซ้อนหรือที่มีความหมายที่ซับซ้อนมาก และอาจสร้างคำตอบที่ไม่เกี่ยวข้อง

3. ความต้องการการบริหารจัดการ: การบริหารจัดการ “ChatGPT” และระบบที่เกี่ยวข้องอาจต้องใช้เวลาและความพยายามในการเรียนรู้และปรับปรุงเพื่อให้มันทำงานตามความต้องการของธุรกิจของคุณ

4. ความเกี่ยวข้องต่อความปลอดภัย: “ChatGPT” สามารถเป็นประเภทของโมเดลที่ใช้ในการสร้างข้อมูลปลอดภัยหรือเนื้อหาไม่เหมาะสม ควรให้ความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและระบบที่ใช้ “ChatGPT”

5. การต้องเรียนรู้และปรับปรุง: “ChatGPT” อาจต้องรับการสั่งการและการเรียนรู้ในการให้คำแนะนำที่ดีขึ้น และอาจต้องใช้เวลาในการพัฒนาและปรับปรุงเพื่อให้มันทำงานตามที่คุณต้องการ

ระมัดระวังในการใช้ “ChatGPT” คือการรู้เพื่อใช้งานอย่างรอบคอบและคำนึงถึงความจำกัดและความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีนี้ การสร้างและใช้ “ChatGPT” ต้องใช้ร่วมกับการปฏิบัติและความช่วยเหลือจากบุคคลจริงเพื่อให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จด้วยครับ

ins ปก 11.23_ผลกระทบของ ChatGPT ต่อธุรกิจ - โอกาสและความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการต้องรู้

ผลกระทบของ ChatGPT ต่อธุรกิจ – โอกาสและความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการต้องรู้

ChatGPT ถือเป็นความก้าวหน้าล่าสุดด้าน AI ที่น่าจับตามอง ด้วยความสามารถในการสร้างเนื้อหาแบบอัตโนมัติจากคําสั่ง ทําให้ ChatGPT มีบทบาทสําคัญต่อการดําเนินธุรกิจในหลายมิติ ทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการควรเตรียมพร้อม

โอกาสสําหรับธุรกิจ

1. ChatGPT ช่วยประหยัดเวลาและต้นทุนในการผลิตเนื้อหาการตลาด เว็บไซต์ และเอกสารธุรกิจต่างๆ

ChatGPT มีความสามารถในการสร้างเนื้อหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วจากคําสั่ง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาการตลาด เว็บไซต์ บทความ สื่อโฆษณา คู่มือการใช้งานผลิตภัณฑ์ และเอกสารธุรกิจอื่นๆ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาจากการทํางานด้านเนื้อหาให้กับนักการตลาด เจ้าของธุรกิจ และผู้ประกอบการเอง ที่แต่เดิมอาจต้องเสียเวลานั่งเขียนหรือคิดสร้างสรรค์เนื้อหาด้วยตนเอง

นอกจากนี้ ยังช่วยประหยัดต้นทุนค่าแรงในการจ้างบุคลากรสร้างเนื้อหา เช่น นักเขียน นักออกแบบ นักสร้างสรรค์เนื้อหา เป็นต้น ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สามารถใช้ ChatGPT มาเสริมศักยภาพการทํางานได้ ดังนั้น ChatGPT จึงเป็นเครื่องมือสําคัญที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สร้างเนื้อหาได้ง่าย รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย

2. ChatGPT สนับสนุนการทําวิจัยตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ChatGPT ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วและทันเทรนด์มากขึ้น ด้วยความสามารถดังนี้

  • สร้างแบบสํารวจความคิดเห็นลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ทําให้เก็บข้อมูลวิจัยตลาดได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
  • วิเคราะห์ข้อมูลวิจัยตลาดเชิงลึกและค้นหาอินไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ช่วยกําหนดกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ หรือไอเดียผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตรงกับความต้องการลูกค้า
  • ช่วยสร้างแบบจําลองธุรกิจ การประเมินความเป็นไปได้ของไอเดียผลิตภัณฑ์ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
  • ช่วยให้คําแนะนําในการกําหนดกลยุทธ์ทางการตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ได้อย่างเหมาะสม

3. ChatGPT ช่วยตอบคําถามและให้บริการลูกค้าได้ 24 ชั่วโมง สร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า

ChatGPT ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง ดังนี้

  • ตอบคําถามของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า
  • ให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ บริการหลังการขาย และตอบข้อซักถามต่างๆ ได้อย่างถูกต้องแม่นยํา
  • ช่วยแนะนําผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างเฉพาะเจาะจง
  • สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าด้วยการสนทนาสอบถามและให้ความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา

4. ChatGPT สนับสนุนการทํางานของบุคลากร เช่น ช่วยตอบคําถาม สรุปประชุม เขียนอีเมล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ChatGPT สามารถช่วยในการทำหน้าที่ต่างๆ ในองค์กร ดังนี้

  • ช่วยตอบคําถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ นโยบายของบริษัท ให้กับพนักงานได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง
  • ช่วยสรุปประเด็นสําคัญจากการประชุม ทําให้ได้รายงานการประชุมที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ
  • ช่วยเขียนอีเมล์ตอบข้อซักถามของลูกค้า หรืออีเมล์ประชาสัมพันธ์ของบริษัทได้อย่างรวดเร็ว
  • ช่วยตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ ในเอกสาร สื่อสิ่งพิมพ์ของบริษัท

ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ChatGPT จึงเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้บุคลากรทํางานได้สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ความเสี่ยงสําหรับธุรกิจ

1. การละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาจากการนําเนื้อหาของผู้อื่นมาสร้างใหม่

ChatGPT มีความเสี่ยงที่จะนําเนื้อหาหรือผลงานของผู้อื่นมาสร้างเป็นเนื้อหาใหม่ โดยไม่ได้รับอนุญาตหรืออ้างอิงแหล่งที่มา ซึ่งอาจทําให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาได้ เนื่องจาก ChatGPT ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างเนื้อหาใหม่จากข้อมูลที่มันได้รับการฝึกฝนมา โดยไม่ได้มีกลไกในการตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลอย่างละเอียด ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงสูงที่เนื้อหาที่ ChatGPT สร้างขึ้นจะละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ

ดังนั้นผู้ใช้งานจึงควรระมัดระวัง และตรวจสอบเนื้อหาก่อนนําไปใช้จริง เพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์โดยไม่ได้ตั้งใจจากการใช้งาน ChatGPT

2. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยข้อมูล เนื่องจาก ChatGPT สามารถถูกนําไปใช้ในทางมิชอบ

การใช้ ChatGPT จึงควรระมัดระวัง และตรวจสอบเนื้อหาอย่างถี่ถ้วนก่อนเผยแพร่ เพื่อป้องกันการนําไปใช้ในทางที่ผิด ดังนี้

  • สร้างเนื้อหาหลอกลวง ปลอมแปลง เพื่อหลอกลวงผู้อื่นให้หลงเชื่อและถูกโจรกรรมข้อมูล
  • สร้างข้อความเท็จที่ทําลายชื่อเสียงของบุคคลหรือองค์กร
  • สร้างเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรม อบายมุข ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียในสังคม
  • สร้างเนื้อหาที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคลอื่น เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว

3. ChatGPT อาจให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ทําให้เกิดความเสียหายแก่ลูกค้าและแบรนด์ได้

การใช้ ChatGPT อย่างระมัดระวังและตรวจสอบความถูกต้องจึงเป็นสิ่งสําคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับลูกค้าและแบรนด์ได้ ดังนี้

  • ให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ไม่ถูกต้อง ทําให้ลูกค้าเข้าใจผิดและซื้อสินค้าที่ไม่เหมาะสม
  • แนะนําวิธีใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ถูกต้อง ทําให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายแก่ลูกค้าได้
  • ให้คําแนะนําทางการเงินที่ผิดพลาด ส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจผิดพลาดทางการเงิน
  • ให้ข้อมูลลูกค้ารายอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ทําให้เกิดการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

4. ChatGPT อาจแทนที่แรงงานมนุษย์ในอนาคต และส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน

ChatGPT มีศักยภาพที่จะทํางานแทนมนุษย์ได้ในหลายด้าน เนื่องจากสามารถเรียนรู้และสร้างเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานในอนาคต ดังนี้

  • ChatGPT อาจทําหน้าที่แทนงานเขียนเนื้อหา บทความ สารคดี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทําให้ความต้องการจ้างนักเขียนลดลง
  • ChatGPT อาจทําหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้า ตอบคําถามลูกค้าแทนพนักงานได้ ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในสายงานนี้
  • ChatGPT อาจทําหน้าที่สรุปรายงานการประชุม ทําให้ความต้องการเลขานุการลดลง
  • ChatGPT อาจสร้างคอนเทนต์โฆษณาทางการตลาดได้ ทําให้ความต้องการนักการตลาดเขียนเนื้อหาลดลง

ด้วยเหตุนี้ องค์กรต่างๆ ควรเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยีเหล่านี้ และวางแผนพัฒนาทักษะแรงงานให้สอดคล้องกับอนาคต รวมถึงผู้ประกอบการควรศึกษาและทําความเข้าใจ ChatGPT เพื่อประเมินความพร้อมขององค์กรในการนํา AI ไปใช้อย่างสร้างสรรค์และรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ได้อย่างฉลาด

ins ปก 11.23_จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพ่อแม่ใช้ ChatGPT ช่วยเลี้ยงลูก

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพ่อแม่ใช้ ChatGPT ช่วยเลี้ยงลูก

ถือเป็นประสบการณ์ใหม่เปิดโลกสำหรับพ่อแม่ในยุคนี้เลยก็ว่าได้ครับ ที่ ChatGPT ได้รับหน้าที่ใหม่ให้เป็นผู้ช่วยที่ฉลาดของพ่อแม่ในการเลี้ยงลูกของพวกเขาทุกวัย โดยพ่อแม่ของเด็กทุกวัยกำลังใช้แชทบอทนี้เพื่อช่วยในการเลี้ยงลูกของพวกเขา

แล้วทำไมมันสำคัญถึงสามารถนำมาช่วยเลี้ยงลูกได้

เนื่องจาก ChatGPT มีศักยภาพในการแบ่งเบาภาระพ่อแม่ที่เหนื่อยล้าและมีตารางกิจกรรมที่ล้นมือ แต่แน่นอนว่ามันไม่สามารถแทนที่ความคิดของมนุษย์ โดยเฉพาะเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับลูกของพวกเขาได้

ChatGPT เป็นเลิศในการระดมความคิดและการค้นคว้า ทั้งสองฟังก์ชันที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครองโดยเฉพาะ Celia Quillian นักการตลาดในแอตแลนต้า ผู้ดูแลบัญชี TikTok คอยให้คำแนะนำผู้ติดตามเกี่ยวกับวิธีที่สร้างสรรค์ในการใช้หุ่นยนต์ กล่าวว่า

  • แชทบอทสามารถวางแผนงานปาร์ตี้วันเกิดในธีมนางเงือกของเด็กอายุ 8 ขวบได้ภายในไม่กี่วินาที โดยเสนอไอเดียเครื่องดื่ม เช่น น้ำพันช์ผลไม้นางเงือก เกเตอเรดสีฟ้าพร้อมปลาเยลลี่ลอยน้ำ และไอเดียเกี่ยวกับของว่าง เช่น คุกกี้เปลือกหอย
  • สามารถสร้างแผนภูมิงานบ้านสำหรับกลุ่มพี่น้องรุ่นเยาว์ ปรับแต่งงานให้เหมาะสมกับแต่ละวัย ตัวอย่างเช่น เด็กอายุ 7 ขวบอาจเริ่มต้นด้วยการหยิบของเล่น ในขณะที่พี่น้องอายุ 13 ปีดูดฝุ่นในห้องนั่งเล่น
  • มันยังตอบคำถามเก่าๆ ที่คอยสร้างความรำคาญให้พ่อแม่ได้อีกด้วย เช่น คิดว่า “ทำไมท้องฟ้าถึงเป็นสีฟ้า” แชทบอทจะป้อนคำตอบที่เหมาะกับเด็กอายุ 4 ขวบให้พ่อแม่ได้

บางพ่อแม่ใช้แชทบอทเพื่อนำทางในขั้นตอนใหญ่ของชีวิตของลูกของพวกเขา

  • พ่อแม่ใช้มันเพื่อเขียนบท “อวยพร” ให้ลูกสำหรับงานแต่งงานของลูก

นอกจากนี้ Keith Foxx ครูใหญ่ของ Foxxstem Engineering Services ยังใช้ ChatGPT เป็นประจำเพื่อเชื่อมต่อกับลูกสาวคนที่สามซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กของเขา ซึ่งปัจจุบันอยู่เกรด 10

  • Foxx กล่าวว่าลูกสาวของเขาต้องต่อสู้กับโควิด และตอนนี้เขาสื่อสารกับเธอด้วยการส่งข้อความหรือบทกวีที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเธอ 
  • “ฉันจะพูดว่า ‘ขอบทกวี 16 บรรทัดให้กับเด็กอายุ 15 ปีจากพ่อของเธอ เธอต้องการแรงจูงใจในการไปโรงเรียน’” ฟ็อกซ์บอกกับ Axios
  • เพราะเขาสามารถบอกได้อย่างเจาะจงมาก ข้อความจึงเป็นเรื่องส่วนตัว และถ้าผลลัพธ์ดูไม่เขเาท่ากับเขา Foxx ก็จะเจาะจงมากขึ้นไปอีก
  • “ฉันอาจมีข้อความติดตามผลที่บอกว่า ‘เรื่องนี้ดี แต่คุณรู้ไหม คุณสามารถทำเพื่อพ่อที่เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันได้หรือไม่'”

แต่ในทางกลับกัน Yuko Munakata นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์ กล่าวว่า แนวคิดในการใช้มันเพื่อบางสิ่งที่มีความหมาย การสื่อสารกับลูก ๆ ของคุณ แน่นอนว่า “พ่อแม่ต้องรู้จักลูก ๆ ของตนดีกว่าระบบ AI ใด ๆ ที่จะจับความรู้สึกได้” เด็ก ๆ โดยเฉพาะวัยรุ่น จะสามารถบอกได้ว่าเมื่อไรที่ผู้ปกครองใช้คำพูดของตัวเองหรือใช้คำพูดของบอท มุนากาตะกล่าว

ซึ่งเราก็จะเห็นได้ว่า การใช้ ChatGPT ก็มีทั้งส่วนที่ดีและส่วนที่มีข้อโต้แย้งในการช่วยเลี้ยงลูกอยู่ด้วย ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่ต้องการนำ ChatGPT มาใช้ในการช่วยเลี้ยงลูกก็สามารถทำได้ แต่ก็ควรตรวจสอบและพิจารณาคำตอบของ ChatGPT ให้ดีเสียก่อนนั่นเองครับ 

ins ปก 11.23_โลกของ Chat OpenAI ในอนาคตจะเป็นอย่างไร

โลกของ Chat OpenAI ในอนาคตจะเป็นอย่างไร

Chat OpenAI คือ ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาขึ้นโดย OpenAI สามารถตอบสนองต่อคำถามและคำขอของผู้ใช้ด้วยประสิทธิภาพและความเข้าใจข้อมูล

คุณสมบัติของ Chat OpenAI นั้นมีมากมายก็คือความสามารถในการเรียนรู้และปรับปรุงตามข้อมูลใหม่ ความสามารถในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ความสามารถในการสื่อสารผ่านข้อความ ความความเข้าใจภาษาธรรมชาติ และความประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อคำถามที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้, Chat OpenAI ยังมีความสามารถในการรวมระบบกับแพลตฟอร์มและบริการอื่น ๆ เพื่อให้บริการที่ครอบคลุมและประสิทธิภาพมากขึ้น และมีการใส่ความสำคัญในความปลอดภัยและความคุ้มครองข้อมูลของผู้ใช้ที่สูง

ซึ่ง “อนาคตของ Chat OpenAI” อาจมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อไป ดังนั้นข้อมูลเหล่านี้จะไม่สามารถให้คำตอบอย่างแน่นอนได้ แต่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตสำหรับ Chat OpenAI นั่นเอง ซึ่งมีดังนี้

🎈การพัฒนาทางเทคโนโลยี: Chat OpenAI อาจทำการปรับปรุงทางเทคโนโลยีที่เป็นหัวใจของระบบ ซึ่งอาจรวมถึงการพัฒนาโมเดล AI ให้สามารถเรียนรู้และเข้าใจข้อมูลที่ซับซ้อนมากขึ้น

🎈การปรับปรุงในความฉลาด: Chat OpenAI อาจพัฒนาในด้านความฉลาดและความเข้าใจของบทสนทนา ทำให้มันสามารถตอบสนองต่อคำถามและความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น

🎈การปรับปรุงในการเรียนรู้: อนาคตของ Chat OpenAI อาจมีการเรียนรู้เชิงลึกและการปรับปรุงในการเรียนรู้เพื่อเข้าใจและสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพขึ้นตลอดเวลา

🎈การปรับปรุงในประสิทธิภาพ: ระบบอาจมีการปรับปรุงในความเร็วและประสิทธิภาพของการประมวลผลเพื่อให้การตอบสนองเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

🎈การปรับปรุงในความปลอดภัย: ประเด็นความปลอดภัยของข้อมูลและการใช้งาน Chat OpenAI ย่อมมีความสำคัญมากในอนาคต เพื่อป้องกันการนำข้อมูลอันเป็นส่วนตัวและความเชื่อถือของผู้ใช้

🎈การปรับปรุงในประสิทธิภาพการสื่อสาร: อนาคตของ Chat OpenAI อาจมีการปรับปรุงในการสื่อสารผ่านหลายช่องทาง เช่น เสียง รูปภาพ หรือรูปแบบการสื่อสารใหม่

🎈การทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ: อนาคตของ Chat OpenAI อาจมีการรวมระบบกับแพลตฟอร์มและบริการอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์และประสิทธิภาพในการให้บริการ

สิ่งที่แน่นอนคือการพัฒนา Chat OpenAI จะต้องพิจารณาและปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และคำสำคัญของการพัฒนาคือการให้ความสำคัญกับความคุ้มครองข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เอง